วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2551

หลวงปู่คำพันธ์

หลวงปู่คำพันธ์
ท่านเจ้าคุณพระจันโทปมาจารย์ ( คำพันธ์ จันทูปโม )
**********************
จังหวัดนครพนม ถ้าแบ่งตามเขตการเลือกตั้งก่อนมี รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ปี 2540 ถูกกำหนดเป็น 2 เขตเลือกตั้ง คือเขตเหนือ กับเขตใต้ อันเขตเหนือประกอบด้วย เมือง ท่าอุเทน โพนสวรรค์ บ้านแพง ศรีสงคราม นาหว้า และนาทม ส่วนเขตใต้มี ธาตุพนม นาแก เรณูนคร ปลาปาก และวังยาง เขตเหนือ มีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ คือพระธาตุท่าอุเทน พระธาตุประสิทธิ์นาหว้า มีหลวงปู่ตื้อ หลวงปู่สนธิ์ ที่พุทธศาสนิกชน รู้จักให้ความเคารพนับถือ เขตใต้ มีพระธาตุพนม พระธาตุเรณู พระธาตุศรีคุณนาแก พระธาตุมหาชัยปลาปากและพระธาตุมรุกขนคร อันมีหลวงปู่คำพันธ์ ที่คนเคารพกราบไหว้ด้วยจิตศรัทธา วันนี้ผมได้จั่วหัวว่า หลวงปู่คำพันธ์ ท่านเจ้าคุณพระจันโทปมาจารย์ (คำพันธ์ จันทูปโม)หลายท่านคงแปลกใจ ที่ท่านทั้งหลายไม่เคยได้ยินชื่อนี้ บางท่านอาจเคยได้ยินมาบ้าง ท่านที่เคารพครับ พวกเราชาวนครพนมต่างทราบกันดีว่า หลวงปู่คำพันธ์คือ ท่านเจ้าคุณพระสุนทรธรรมากร วัดธาตุมหาชัย แห่งอำเภอปลาปาก แต่หลวงปู่คำพันธ์ องค์ที่กระผมจะนำมาเรียน ให้ท่านทั้งหลายทราบ เพื่อให้ได้รู้ว่าในจังหวัดนครพนมเรามีพระอริยสงฆ์ อยู่หลายองค์เพียงแต่ขาดการนำเสนอ หลวงปู่คำพันธ์ แห่งวัดศรีวิชัย อำเภอศรีสงคราม ซึ่งมีความเหมือนที่คล้ายและใกล้เคียงกันกับ หลวงปู่คำพันธ์ แห่งวัดธาตุมหาชัย คือ
00000001. ชื่อคำพันธ์
00000002. เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ(เจ้าคุณ)
00000003. เป็นพระนักพัฒนา
00000004. เป็นเจ้าคณะอำเภอ
00000004. เป็นเจ้าอาวาส
00000005. เป็นพระอุปัชฌาย์
00000006. เป็นพระวิปัสสนากรรมฐาน
00000007. เป็นครูสอนปริยัติธรรมและเป็นกรรมการตรวจธรรมสนามหลวง
00000008. ทรงจำพระปาฏิโมกข์ได้ดี
00000009. พรรษาที่ใกล้เคียงกัน

0000000หลวงปู่คำพันธ์ ได้สร้างวัตถุบูชามาแล้ว 2 รุ่น รุ่นแรก คือสมเด็จพระพุทธพระเนาว์ อันเป็นพระศักดิ์สิทธิ์ที่ประชาชนให้ความเคารพนับถือ(ปัจจุบันได้ก่อสร้างสิมอีสานไว้เป็นที่ประดิษฐานองค์พระเนาว์บริเวณกลางบ้านริมแม่น้ำสงครามเป็นสิมอีสานที่มีความสวยงาม มาก) รุ่นที่ 2 คือ เหรียญรุ่นฉลองโบสถ์ เป็นรูปเหมือนของหลวงปู่ จะเปิดให้พุทธศาสนิกชนบูชาในพิธีฉลองโบสถ์ ในวันที่ 5 - 6 – 7 กุมภาพันธ์ 2547 ถ้าท่านผู้ใดสนจนสั่งจองได้ที่วัดศรีวิชัย ที่ผมได้นำเรียนมาทั้งหมด ไม่ได้เอาพระเกจิอาจารย์ ที่ท่านทั้งหลายเคารพกราบไหว้มาเปรียบเทียบกัน เพียงแต่อยากนำเสนอให้ พุทธศาสนิกชนชาวนครพนม ได้รับทราบว่านครพนมเมืองพุทธไม่เคยขาดแคลนพระอริยสงฆ์ ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ให้พวกเราได้ชื่นชม และเพื่อเป็นการเผยแผ่ให้สาธุชนทั้งหลาย ได้รู้จักเผื่อได้ผ่านไป ผ่านมาแถวนั้น ได้แวะกราบนมัสการเพื่อเป็นสิริมงคลกับตัวเองครับ

0000000ประวัติโดยย่อ หลวงปู่คำพันธ์ ท่านเจ้าคุณพระจันโทปมาจารย์ (คำพันธ์ จันทูปโม)
0000000สถานะเดิม ชื่อคำพันธ์ ปทุมมากร เกิดวันที่ 13 ขึ้น 2 ค่ำ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2471 ปีมะโรง บิดาชื่อนายอ้วน ปทุมมากร มารดาชื่อ นางทุมมา ปทุมมากร ที่บ้านศรีเวินชัย ตำบลสามผง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม
0000000บรรพชา/อุปสมบท วันที 4 มิถุนายน 2485 ที่วัดศรีเทพประดิษฐาราม ต.ในเมือง อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม พระอุปัชฌาย์ ชื่อพระสารภาณมุนี(หลวงปู่จันทร์) และอุปสมบทเมื่อ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2491 ที่วัดศรีเทพประดิษฐาราม จังหวัดนครพนม โดยพระสารภาณมุนี(พระเทพสิทธาจารย์) เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังอุปสมบทท่านได้ไป บำเพ็ญเพียรภาวนาอยู่ที่สำนักสงฆ์ถ้ำชัยมงคลภูลังกากับ พระอาจารย์วัง เป็นเวลาหลายปี จนพระอาจารย์วังถึงแก่มรณภาพจึงได้กลับมาที่วัดศรีวิชัย
0000000วิทยฐานะ
0000000-พ.ศ.2492 สอบได้นักธรรมชั้นเอก ที่สำนักเรียนวัดโพธิ์ชัย บ้านสามผง ต.สามผง อ.ศรีสงคราม 000000000000000จ.นครพนม
0000000-สอบได้ครูพิเศษมูล
0000000-พ.ศ.2511 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ พระครูชั้นตรีที่ พระครูอดุลธรรมภาณ
0000000-พ.ศ.2520 พระครูชั้นโทที่นามเดิม
0000000-พ.ศ.2525 พระครูชั้นเอกที่นามเดิม
0000000-พ.ศ.2530 พระครูชั้นพิเศษ
0000000-เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2545 ได้รับสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่พระจันโทปมาจารย์
0000000การปกครอง
0000000-พ.ศ.2506 เป็นเจ้าคณะอำเภอศรีสงคราม บ้านแพง นาทม นาหว้า(ธ) จนถึงปัจจุบัน
0000000-พ.ศ.2509 เป็นพระอุปัชฌาย์ จนถึงปัจจุบัน
0000000-พ.ศ.2514 เป็นเจ้าอาวาส วัดศรีวิชัย บ้านศรีเวินชัย ต.สามผง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนมจน ถึง0000000ปัจจุบัน
0000000ด้านการศึกษา
0000000-พ.ศ.2493 เป็นครูสอนปริยัติธรรมชั้นตรี-โท-เอก-จนถึงปัจจุบัน
0000000-พ.ศ.2494 เป็นกรรมการตรวจธรรมสนามหลวงจนถึงปัจจุบัน
0000000-พ.ศ.2494 เป็นประธานสอบธรรมสนามหลวงที่สำนักเรียน วัดโพธิ์ชัย บ้านสามผง อ.ศรีสงคราม 0000000จ.นครพนม จนถึงปัจจุบัน

0000000ด้านการเผยแผ่
0000000-พ.ศ.2508-2510 เป็นพระธรรมฑูต
0000000-พ.ศ.2506 จนถึงปัจจุบัน เป็นพระอาจารย์สอนภาวนาสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน ใน00000000สำนัก และตามวัดต่าง ๆ ที่อยู่ในเขตการปกครอง
0000000-ได้เปิดโอกาสให้นักเรียนทั้งโรงเรียนประถม และมัธยมศึกษาในเขตตำบลสามผง และใกล้เคียง0000000สมัครสอบธรรมศึกษาชั้นตรี-โท-เอก- ทุกปี แต่ละปีจะมีผู้สมัครสอบเป็นจำนวนมาก

0000000ด้านสาธารณประโยชน์
0000000- พ.ศ.2530 เป็นผู้เริ่มโครงการสร้างทำนบห้วยอาประชาน้อมเกล้า และได้ชักชวนชาวบ้านศรีเวินชัย และหมู่บ้านใกล้เคียงร่วมกันบริจาคในการก่อสร้าง จนแล้วเสร็จขนาดของทำนบ ฐานกว้าง 30 เมตร ผิวจราจรกว้าง 6 เมตร สูง 9 เมตร ยาว 600 เมตร เก็บกักน้ำได้ ระยะทาง 8 กิโลเมตร ส่งผลให้ ชาวบ้าน ศรีเวินชัย และหมู่บ้านใกล้เคียง ได้รับประโยชน์อย่างมากมายมหาศาล ทั้งทางด้านการเกษตรโดยมีพื้นที่ในการปลูกข้าวนาปรังจำนวนถึง 3000ไร่ ของบ้านศรีเวินฃัย และบ้านดอนเตย อำเภอนาทม และการประมง เป็นที่ทำมาหาเลี้ยงชีพของชาวบ้านตลอดทั้งปี

0000000- ได้ก่อสร้างศาสนวัตถุเป็นจำนวนมาก อาทิ อุโบสถ 2 ชั้น สิมอิสานวัดพระเนาว์(วัดบ้าน) กุฎีสงฆ์ ศาลาการเปรียญ ร.ร.พระปริยัติธรรม และเสนาสนะต่าง ๆ อีกมากมาย

00000000000000000000000ครูอารมณ์
0000000000000000000001 สิงหาคม 2546

พลเมืองคนละชั้น

พลเมืองคนละชั้น
วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม 2546 ผมมีโอกาสได้ต้อนรับ และติดตามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฯพณฯพินิจ จารุสมบัติ ไปที่ หอประชุมโรงเรียนบ้านนาทม ต.นาทม อ.นาทม จ.นครพนม เพื่อเป็นประธาน และบรรยายให้ความรู้เรื่อง ”ผลงานของรัฐบาลและทิศทางการเมืองไทย” ให้กับพี่น้องประชาชนชาวอำเภอนาทม 3 ตำบล 36 หมู่บ้าน จำนวน 800 คน อันเป็น โครงการของสำนักงานสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคไทยรักไทย เขตเลือกตั้งที่ 5 โดย ส.ส.ศุภชัย โพธิ์สุ(ครูแก้ว)ตามโครงการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ทางการเมืองสำหรับภาคเอกชนและประชาชนทั่วไป มีผู้หลักผู้ใหญ่หลายท่านที่ติดตามคณะ เช่นผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมท่านวิทย์ ลิมานนท์วราไชย ส.ส.ชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. เขตเลือกตั้งที่ 1 พรรคไทยรักไทย และ หัวหน้าส่วนราชการอีกหลายท่าน

ส่วนวิทยากรที่มาให้ความรู้ตามโครงการนอกจากท่านรัฐมนตรีแล้วยังมี ดร.อดิศร เพียงเกษ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยรักไทย ส.ส.เวียง วรเชษฐ์ พรรคไทยรักไทย จากจังหวัดร้อยเอ็ด และ คุณสุวิทย์ ญาตินิยม เจ้าพนักงานเลือกตั้งจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดนครพนม และ ส.ส.ศุภชัย โพธิ์สุ(ครูแก้ว) เป็นผู้บรรยายสรุปงาน การจัดโครงการอบรมสัมมนาทางการเมืองสำหรับประชาชน ในครั้งนี้ไม่ใช่ว่าครั้งแรกที่ทางสำนักงานสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตเลือกตั้งที่ 5 แต่มีการจัดมาแล้วหลายครั้ง โดยเปลี่ยนสถานที่การจัดสัมมนาไปตามความเหมาะสม เพื่อเป็นการให้ความรู้ภาคประชาชน ตามกรอบของรัฐธรรมนูญ และตามบทบาทหน้าที่ของผู้แทนราษฎรอีกบทบาทหนึ่ง ในการจัดแต่ละครั้งทาง ส.ส.ศุภชัย โพธิ์สุ (ครูแก้ว) ได้เชิญเอารัฐมนตรีหลายต่อหลายคน ให้เข้ามาเห็นสภาพที่แท้จริง ของเขตเลือกตั้งที่ 5 พร้อมทั้งมาให้ความรู้ทางการเมืองในแง่มุมต่างๆ เพื่อเปิดโลกทัศน์ ให้กับพี่น้องประชาชนเข้าใจบทบาทหน้าที่ของตนเองต่อสังคม ต่อประเทศชาติ ก็สมแล้วกับที่พี่น้องประชาชนให้ความไว้วางใจ เลือกเอาไปเป็นผู้แทนราษฎรตามบทบาทหน้าที่ของ รัฐธรรมนูญปี 2540

หลังการบรรยายของรัฐมนตรีในวันนั้น ฯพณฯพินิจ จารุสมบัติ และคณะ ได้ไปตรวจราชการอยู่ 2 ที่คือไปดูการทำปุ๋ยอินทรีย์ ที่บ้านดอนแดง หมู่ที่ 2 ต.นาทม และที่หมู่บ้านศรีสงครามอโศก อ.ศรีสงคราม ก็นับว่าเป็นโอกาสอย่างสูงส่ง ต่อชาวบ้านทั้ง 2 จุดเพราะ ฯพณฯ ได้รับปากว่าจะผลักดันงบประมาณในการก่อสร้างโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์ต่อไป ถึงแม้จะเป็นแค่ความฝันของชาวบ้านจากปากของนักการเมือง แต่มันเป็นยาขนานเอกอย่างดี ให้กับเจ้าของแผ่นดินผู้เป็นพลเมืองของประเทศนี้ได้มีกำลังใจในการต่อสู้กับชีวิต คนในพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 5 ก็เคยภาคภูมิใจ เคยมีความหวังในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านๆมาเพราะเคยเลือกได้ทั้งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ถึงแม้การสนองตอบของภาคการเมืองที่เปลี่ยนผ่าน จะผิดหวังมาบ้าง ความหวังในครั้งนี้จะได้รับการตอบสนองหรือไม่ ชาวบ้านก็ขวัญดีขึ้น เพราะอย่างน้อยๆ ส.ส.ศุภชัย โพธิ์สุ(ครูแก้ว) คงไม่ปล่อยโอกาสทองของพี่น้องประชาชนให้ผ่านไป เพราะที่ผ่านมาก็เสียโอกาสมากแล้ว อำเภอนาทม มีรอยต่อติดกับอำเภอเซกาและอำเภอบึงโขงหลง จังหวัดหนองคายอันเป็นเขตพื้นที่ของ ฯพณฯพินิจ จารุสมบัติ การไปมาหาสู่การผูกพันฉันญาติย่อมใกล้ชิดกันทั้งงานประเพณี ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้า และเส้นทางคมนาคมที่สะดวกสบายกว่ากัน

บ้านห้วยคอม เป็นหมู่บ้านสุดท้ายของอำเภอเซกา ห่างจากจังหวัดหนองคาย กว่า 200 กิโลเมตร ติดกับบ้านนาโด ของอำเภอนาทม ที่ห่างจากจังหวัดนครพนมเพียง 100 กิโลเมตร ปัจจัยพื้นฐาน ทำไมถึงแตกต่างกันนัก ถนนจากเซกา ถึงหมู่บ้านสุดท้ายลาดยางเหมือน 4 เลน สะพานกว้างเกือบ 3 เท่า ถนนจากนาทมที่ลาดยางมีแต่เฉพาะผ่านหมู่บ้าน แต่พังหมดแล้ว ของเขตอำเภอเซกาเสริมผิวถนนแล้ว 2 ครั้ง ส่วนนาทมยังเป็น นาระทม ของเก่ายังไม่เคยซ่อมแซม อำเภอเซกามีรัฐมนตรี ที่มาจากชาวบ้านเลือก อำเภอนาทม เคยมีรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งเหมือนกัน แต่ทำไมถึงเป็นพลเมืองคนละชั้นกันครับ

ก็คงต้องฝากความหวังฝากบ้านฝากเมืองไว้กับ ส.ส.ศุภชัย โพธิ์สุ(ครูแก้ว) เจ้าของเขตเลือกตั้งที่ 5 ที่จะใช้ความสามารถส่วนตัวดึงเอาบารมีของ ฯพณฯพินิจ ให้แผ่รังสีปกคลุมชาวอำเภอนาทมด้วยและถ้าฯพณฯพินิจ จะผลักดันให้เขตเลือกตั้งอำเภอบึงกาฬถึงเซกา แยกเป็นจังหวัดได้ และชาวอำเภอนาทมฝากมาว่า ถ้าจำนวนพลเมืองไม่พอตั้งจังหวัด ชาวนาทม ก็ยินดีที่จะไปอยู่จังหวัดใหม่กับฯพณฯครับ ถ้าทางนครพนมยอมให้ไป พบกันใหม่ฉบับหน้าครับ

ครูอารมณ์
10 กรกฎาคม 2546

วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2551

ลาว คือประเทศ ไม่ใช่ลาว คือคนอีสาน

ลาว คือประเทศ ไม่ใช่ลาว คือคนอีสาน

นครพนม” คือเมืองแห่งภูเขา เมืออดีตคือเมืองศรีโคตรบูรณ์ แต่ นครพนม ปัจจุบันคือเมืองแห่ง ชนเผ่า มีภูเขาอยู่ 2 ที่ คือ ภูพานน้อยนาแก กับภูลังกาบ้านแพง สปอร์ตโฆษณาสถานที่พักผ่อนบางแห่งหรือ แม้แต่ของทางราช บอกว่า นครพนม คือ เมืองแห่งขุนเขา และสายน้ำ

ผมได้ร่วมเดินทางไปกับ คณะหน่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมศิลปกรรมและธรรมชาติจังหวัด นครพนม ของศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดนครพนม ตามโครงการอบรมวิทยากรท้องถิ่นและเผยแพร่ความรู้ เรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมศิลปกรรมและธรรมชาติ”ตามรอยศรีโคตรบูรณ์(ระยะที่3)” ณ แหล่งศิลปกรรม(นครพนม-สปป.ลาว-ท่าแขก-มหาชัย)เมื่อวันจันทร์ทีj 30 มิถุนายน 2546 คณะผู้ร่วมเดินทางล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมของนครพนมร่วม 50 คน

0000หลายท่านเคยไปท่าแขก ทะลุถึงเวียตนาม หลายท่านเคยมองเห็นท่าแขก จากฝั่งนครพนมหลายคนเดาออกว่า ท่าแขก กับนครพนม มีวิถีชีวิตที่ไม่แตกต่างกัน ภาษา การดำรงชีวิต อาชีพหลัก คล้ายคนลาวอีสาน แตกต่างกันตรงที่ การเมืองการปกครอง ไทยมีเสรีเกือบชั่วชีวิต ลาวถูกครอบงำจากเจ้าลัทธิตลอดชั่วชีวิตคน ทุกครั้งที่ผมไปลาว ต้องเปรียบสถานะอายุในสภาพที่เห็นเป็นเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา สภาพของผู้คนบ้านเรือน โรงเรียน ถนนหนทาง เหมือนเมื่อผมเป็นเด็ก เกิดมาเห็นบ้านผาขัดแตะมุงจาก ใต้ถุนบ้านมีวัว ควาย ผูกไว้ ฝ่ายผู้หญิง ใส่ผ้าถุง ฝ่ายผู้ชาย นุ่งผ้าขาวม้า รองเท้าไม่ต้องถามถึง โรงเรียนมีอาคารหลังเดียวยกพื้นสูงบ้าง ติดดินบ้าง มีหญ้ารกเต็มไปหมด สนามฟุตบอล มีเสาไม้เป็นเสาประตูกั้นเขต 2 ข้างหันหน้าเข้าหากัน ตามสภาพของที่โล่งที่มีในบริเวณโรงเรียน ประตูหน้าต่างอาคารไม่ต้องใส่กุญแจ ผากระดานห้องบางด้านหายไปเกือบทั้งแถบ ปิดเทอมทีต้องมาเรียนกันใหม่ เพราะเด็กแทบจำครูไม่ได้ 2 เดือนบ้าง 3 เดือนบ้างตามฤดูกาล เช่นปักดำ เก็บเกี่ยว ถนนหนทางเหมือนทางไปนา ถามชาวบ้านว่าลำบากไหม? เขาตอบว่าไม่เพราะ ไม่สิ้นเปลือง ไม่วุ่นวาย ไม่มีอุบัติเหตุ ถามอีกว่า หากินกันยังไง? ” เข้าเต็มเล้า ปูปาหากิน ”ช่างเป็นคำตอบที่เหมือนกับคุณตาผมพูดกับลูกหลานเมื่อผมเป็นเด็ก

0000นครพนม มีเขา 2 ลูก ดังกล่าว ภูลังกาบ้านแพง เป็นอุทยานแห่งชาติ ถูกรัฐเข้าครอบครองเบ็ดเสร็จ มีน้ำตก 2 แห่ง คนไปเที่ยวไม่เคยขาด ภูพานน้อยนาแก ก็เป็นที่ท่องเที่ยว พักผ่อนหย่อนใจ อันสำคัญยิ่งของนครพนม ถ้าเนรมิต เสกสรรปั้นแต่ง หรือใช้เครื่องไม้เครื่องมือ ที่มีอยู่ในโลกปัจจุบันนี้ ยกเอาภูเขา จากฝั่งท่าแขก มาไว้ที่ข้าง ๆ หนองญาติ สัก 1 ลูก เอาไว้แถวบ้านกลาง สัก 1ลูก คงทำเงินให้ท้องถิ่นได้ไม่น้อย
เส้นทางกำหนดการ ตามรอยศรีโคตรบูรณ์ ในครั้งนั้น ตามถนนหมายเลข 12 ตั้งแต่ ท่าแขก-นาเผ้า- จาลอ ถึงเมืองมหาชัย สิ่งที่ได้พบเห็นมันช่างแตกต่างกันกับ ที่เรายืนมองจากฝั่งเมืองนคร เทือกเขาที่มองเห็นเป็นทิวยาวเหยียด เหมือนรูปวิวที่เด็กชอบวาด มันเป็นเพียงม่านบังตา เพราะ 2 ข้างทางเป็นเทือกทิวเขา สลับซับซ้อน หลายร้อยลูก เป็นภูผาเหมือนกำแพงเมืองในจินตนาการ ที่มียอดสูงต่ำ รูปทรงแปลกตา แตกต่างกันไปไม่ใช่เทือกเขา ที่ติดกันเป็นทิวยาว เหมือนเรามองเห็น เห็นแล้วเกิดความอิจฉาลาว ที่ไม่ได้เกิดในจังหวัดที่มีชื่อว่า เมืองแห่งภูเขา กลับมีภูเขามากหมาย จนนับไม่ถ้วน รูปทรงแปลกประหลาด สลับซับซ้อน ตัดกับสายเมฆหมอก และป่าไม้ อันอุดมสมบูรณ์ เป็นทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามยิ่งนัก งามจนน่าอิจฉาครับ
ภูลังกาบ้านแพงลูกเดียว ยาวไม่กี่กิโลเมตร มีน้ำตก มีถ้ำหลายถ้ำ มีสิ่งที่ยังไม่ค้นพบอีกมากมาย แล้วภูผาในเมืองท่าแขกเล่า จะมีน้ำตก และ ถ้ำอีกกี่แห่ง อันเป็นขุมทรัพย์มหาศาล ที่ทำเงินได้แล้วจะไม่ให้อิจฉาได้ยังไงกัน
ธรรมชาติ ก็คือ ธรรมชาติครับ ถ้าภูผาหินเหล่านั้นอยู่ฝั่งไทยป่านนี้คงมี ธงเหลือง ธงแดง เข้าไปหมายเขตเป็น สำนักสงฆ์ ไปหมด บางลูกอาจถูก ผู้มีอิทธิพล เข้าไปเปลี่ยนแปลงสภาพ สร้างที่พักตากอากาศ สร้างที่อยู่อาศัย สร้างสนามกอล์ฟ ออกเอกสารสิทธิ์ เป็นเจ้าเข้าครอบครอง จนไม่เหลือแล้วก็ได้ อยู่ในลาว ให้คนลาว ดูแลดีแล้ว อย่างน้อย ๆ นครพนม ก็พลอยได้รับส่วนแบ่งธรรมชาติ ที่ยังอุดมสมบูรณ์ให้มีฤดูกาลตามกำหนด เพียงแต่ทำอย่างไรที่ นครพนม จะฉกฉวยโอกาสดึงนักท่องเที่ยวทั้งในจังหวัด และที่อื่นมาเที่ยวที่บ้านเรา โดยใช้ลาวเป็นจุดขาย เพราะอย่างน้อย ๆ ท่าแขก ก็ได้ชื่อว่าต่างประเทศและเป็นประเทศที่ไม่ต้องมีล่ามมาแปลให้เสียบรรยากาศในการเที่ยว ลำพังนครพนมหาจุดขายของตัวเองคงขายหมดแล้วนักท่องเที่ยวเห็นแล้วรู้แล้ว
เห็นผู้หลักผู้ใหญ่ ของทั้งสองประเทศคุยกันตลอดในเรื่องต่างๆ ทั้งการบริการ ค่าผ่านแดน ค่าเหยียบดิน ค่าเรื่อโดยสาร ทั้งลาว และไทย ก็ยังเห็นทุกอย่างปรกติวิสัยอยู่ โดยเฉพาะ รถสามล้อโดยสาร ของบ้านเราเห็นนักท่องเที่ยวเป็นอาหารอันโอชะ คอยขูดรีดจนนักท่องเที่ยวเอือมระอา ทั้ง ๆ ที่คนไทยมีความเป็นอินเตอร์กว่าลาว ทั้งเทคนิค และวิธีการ ทำอย่างที่จะให้คนข้ามไปเที่ยวที่ลาว แล้วกลับมานอนที่นครพนม ขั้นตอนการ ขอหนังสือข้ามฟาก เรือโดยสาร ยังไม่เห็นมีชูชีพสักลำ คนโดยสารมีกี่คนก็อัดกันลงไปทั้งคนทั้งของ สิ่งเหล่านี้ควรกวดขันกันบ้างก็จะดีนะครับ นี่ก็ใกล้ งานออกพรรษาไหลเรือไฟ จะเปิดตลาดนัดอย่างเดียวเพราะเก็บเงินค่าออกร้านจากพ่อค้าได้เป็นกอบเป็นกำ เหมือนทุกปีที่ผ่านมาคงไม่มีใครอยากมาเที่ยวมากนัก เพราะที่ไหน ๆ ก็มีสินค้าเหมือนกันครับเจ้านาย พบกันใหม่ฉบับหน้าครับ

ครูอารมณ์
4 กรกฎาคม 2546

ยุบ อบจ.
000อบจ. คือ คำย่อของ องค์การบริหารส่วนจังหวัด มีคณะผู้บริหาร และ คณะนิติบัญญัติ เช่นเดียวกับสภาผู้แทนราษฎร ผู้แทนเรียกว่า ส.ส. และเรียก ส.จ.แทนสมาชิกสภาจังหวัด
อบจ. คือ โรงเรียนการเมืองของ ส.ส. ในอดีตทุกพรรคการเมือง จะส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้ง ส. ส. ต้องเล็งหาดาว จากสมาชิกจังหวัด หรือ ผู้มีแววทางการเมือง จากสนาม ส.จ.เพราะสนับสนุนง่ายคนรู้จักทั่วไปโอกาสได้รับเลือกเป็น ส.ส.ง่ายและแน่นอนกว่าตัวแทนจากสังกัดอื่นๆ
ในห้วงเวลาที่ผ่านมากระแสข่าว เริ่มสับสน หลายประเด็น ทั้งแนวคิดที่จะให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดมาจากกระทรวงใดก็ได้ (ผู้ว่าซีอีโอ) กำลังถูกคัดค้าน และทดสอบว่า เป็นไปได้หรือไม่ เรื่องยังไม่จบเพราะ อยู่ระหว่างการคิดค้นกระบวนการในทางปฏิบัติของฝ่ายรัฐบาล ขณะเดียวกันมีแนวคิดอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งรัฐบาล พตท.ทักษิณ กำลังหาบทสรุป นั่นคือ ระบบการเลือกตั้งผู้บริหารองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น องค์การบริหารส่วนตำบลก็ดี เทศบาลก็ดี องค์การบริหารส่วนจังหวัดก็ดี จากเดิมผู้บริหารองค์กรเหล่านี้ มาจากการเลือกตั้งทางอ้อมจากสมาชิกสภาของแต่ละท้องถิ่น ต่อไปจะเปลี่ยนเป็นเลือกตั้งทางตรง โดยประชาชน ซึ่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) ไม่เห็นด้วยด้วย เหตุผลที่ว่าต้องใชัเงินเลือกตั้งมาก ทำให้เป็นภาระ กับงบประมาณของประเทศ สิ้นเปลืองมากกว่าเลือกส.ส.และ ส.ว.เสียอีก โดยพูดกันทำนองนั้น เรื่องเลยคาราคาซังมา ตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม 2546 แต่อย่างไรก็ตาม ข่าวอีกกระแสหนึ่งแจ้งว่า ที่ฝ่ายรัฐบาลชะลอเรื่องนี้ไว้ก่อน เพราะ พตท.ทักษิณ ต้องการเห็นภาพรวมว่าควรจะใช้รูปแบบการเลือกตั้งอย่างไร โดยรอฟังผลการศึกษาของคณะกรรมการศึกษา วิเคราะห์ปัญหา และอุปสรรค ของการปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งระบบ ปรากฏว่าส.ส.ไทยรักไทย หลายคนมีความเห็นว่าควร ยุบองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ยุบ อบจ.)เนื่องจากภารกิจ และพื้นที่ทับซ้อนกันกับ เทศบาล และ อบต. ซึ่งเรื่องนี้ก่อนหน้านี้เคยมีกระแสมาบ้างแล้ว และทุกครั้ง จะถูกคัดค้านจาก องค์การบริหารส่วนจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งรวมตัวกันในนามของสมาพันธ์องค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย คราวนี้ก็เช่นกัน สมาพันธ์ได้ประชุมท่าทีต่อเรื่องนี้แล้วใน วันที่ 13 มิถุนายน 2456 ที่ผ่านมาเรื่องราวจะจบลงอย่างไร ก็ดูที่ เหตุ และผล ต่อไป ครับ ทั้งเรื่องที่มาของผู้ว่า และ การยุบ อบจ. สำหรับผู้สนใจปัญหาการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เป็นความเคลื่อนไหวที่น่าติดตามทั้งคู่ เพราะจะส่งผลถึงความเข้มแข็งของสังคมไทยในอนาคตของสังคมไทยทีเดียว ประเด็นที่น่าสนใจคือ อบจ. เป็นรูปแบบการปกครองส่วนท้องถิ่นเช่นเดียวกับ เทศบาลและ อบต. เหตุใด ส.ส.ไทยรักไทย จึงไม่เลือกที่จะยุบ อบต.ซึ่งมีอยู่มากมายกระจายอยู่ทั่วประเทศ บางแห่งมีพื้นที่เล็กมาก ประชาชนมีจำนวนน้อยมาก รวมเป็นเทศบาล หรือไม่ก็ยุบรวมเทศบาล เป็นอบจ. แต่กลับมุ่งไปที่การยุบ อบจ.เป็นหลัก ขณะเดียวกันเกิดคำถามว่าแทนที่จะ ยุบอบจ.ทำไม ไม่สนับสนุนให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะการปกครองส่วนท้องถิ่นทำนองเดียวกับกทม. โดยเริ่มจากจังหวัดที่มีความพร้อมไปก่อน ซึ่งก็คือลดบทบาทส่วนภูมิภาคลงไปทีละน้อยๆนั่นเอง ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลขณะนี้ กำลังสร้างความเข้มแข็งกับการปกครองส่วนภูมิภาค ภายใต้แนวทางผู้ว่าซีอีโอ หากส่งเสริมให้ อบจ. ในฐานะท้องถิ่นเข้มแข็งย่อมเป็นคู่แข่ง และอุปสรรค กับแนวทางผู้ว่าซีอีโอได้ เพราะเกรงว่าหาก อบจ.ใด เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ ต่อไปการเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าโดยตรงเต็มรูปแบบจะตามมา ใช่หรือไม่ ซึ่งการเมืองไทยยังไม่ยอมรับกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง ระดับชาติ จะคิดอย่างไร มีเหตุผลอย่างไร ความคิดต่างเหล่านี้เป็นเรื่องท้าทายให้คิดตาม ว่าในบั้นปลายแล้วทิศทางใด จะสร้างสังคมที่เข้มแข็ง มีคุณภาพ สมานฉันท์ เอื้ออาทร ชาวบ้านมีความสุข มีอิสระเสรีภาพช่วยเหลือตัวเองได้มากกว่ากัน

0000ณ วันนี้ สิ่งที่สังคมต้องการคือ ความชัดเจน ของเหตุ และผล ที่รัฐบาลไม่เห็นด้วยกับการเลือกผู้บริหารท้องถิ่นโดยตรง จนกระทั่งการจะยุบ อบจ. ผมยังเห็นว่าหลักการปกครองตนเองหลักการติดตามตรวจสอบ ถ่วงดุลย์การใช้อำนาจของส่วนกลางที่กระจายตัวลงไปในภูมิภาค และท้องถิ่นไม่ให้เกินขอบเขต และ ฉ้อฉล ควรดำรงไว้และส่งเสริมให้เป็นจริงให้มาก ตราบใดที่อำนาจส่วนกลาง และภูมิภาค เข้มแข็ง ขณะที่ท้องถิ่นอ่อนแอ ทั้งนักการเมือง และข้าราชการประจำที่มาทำหน้าที่ในท้องถิ่น ไม่ฟังชาวบ้าน เท่าที่ควรเพราะชาวบ้าน ไม่ใช่ผู้ชี้เป็น ชี้ตายอนาคตของเขาเท่ากับนักการเมืองและผู้บังคับบัญชาระดับสูงในส่วนกลางนั่นเอง

ครูอารมณ์
25 มิถุนายน 2546

โรคมะ….(เร็ง)…….(กัน)

000ห0หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ไม่นานโลกก็ถูกแบ่งออกเป็น 2 ค่าย คือค่ายเสรีประชาธิปไตย โดยมี อเมริกา เป็นหัวหน้า ค่ายคอมมิวนิสต์ มี โซเวียตรัสเซียเป็นผู้นำ ทั้งสองค่ายต่างแย่งชิงโดยการล่าอาณานิคมแพร่ลัทธิที่ตัวเองคิดว่าเป็นการปกครองที่ดีที่สุดในโลกไปสู่ประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศด้อยพัฒนา หรือประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งสังคมอุตสาหกรรม และเกษตรกรรม ประเทศในแถบตะวันออก หรือประเทศในทวีปเอเซีย ต่างอยู่กันอย่าง หวาดผวา ขาดการพัฒนา เพเข้าสู่ยุคสงครามเย็น มีการต่อสู้กันทั้งด้านความคิดและอาวุธอย่างรุนแรง
0000ประเทศไทยยืนอยู่ข้างโลกเสรีภายใต้นโยบายของรัฐบาลยุคนั้น ประเทศเพื่อนบ้านรอบๆข้างทั้งเหนือใต้ออกตก ยังยืนอยู่ข้างอเมริกาและได้รับความช่วยเหลือ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การทหาร ถูกหัวหน้าค่ายเข้าครอบครองเบ็ดเสร็จ โดยมีฝ่ายคอมมิวนิสต์คอยแทรกซึมลัทธิตลอดเวลา
ประมาณปี 2508 อเมริกา ขอตั้งฐานทัพในประเทศไทย โดยอ้างว่าป้องกันลัทธิคอมมิวนิสต์ เพราะ เวียตนาม ถูกแบ่งออกเป็นเวียตนามเหนือ เวียตนามใต้ ถ้าขืนปล่อยไว้คงลุกลามถึงประเทศไทย รัฐบาลไทยยอมตกลงตามเงื่อนไขให้มีการตั้งฐานทัพในหลายจังหวัด
0000นครพนม ได้ไชโยขานรับเอาฐานทัพอเมริกาบริเวณดงเซกา กลายเป็นฐานทัพของทหารมะกัน กินพื้นที่เกือบ 14,000 ไร่ คุม 3 ตำบล ในสองอำเภอ คือตำบลบ้านผึ้ง ตำบลนาทราย อำเภอเมือง และตำบลรามราช อำเภอท่าอุเทน
0000นอกจากคนในพื้นที่ได้รับประโยชน์ เพราะมีงานทำโดยอัตราจ้างด้วยค่าเงินดอลล่า คนไทยทั้งประเทศเศรษฐกิจดี เพราะเกิดอาชีพหลากหลาย ตั้งแต่คนใช้แรงงานยันดอกเตอร์ ได้อาศัยใบบุญของฐานทัพอเมริกา สร้างฐานะอวดร่ำอวดรวยกัน คนที่อยู่ใกล้ฐานทัพฝรั่ง เกือบทุกครอบครัวมีงานทำ ค่านิยม วัฒนธรรมของมะกัน เริ่มได้รับการซึมซับ ผู้หญิงกินเหล้า สูบบุหรี่ มีให้เห็นทั่วไปในเมืองนครพนม ผู้หญิงสูงแค่ 150 เซนติเมตร ควงฝรั่งตัวเท่ายักษ์ มีการกอดจูบกันตามท้องถนน
000010 ปีให้หลังประมาณปี 2518 เวียตนามใต้แตก แพ้เวียตกงที่โซเวียตหนุนหลังอยู่ เวียตนามใต้กลายเป็นคอมมิวนิสต์ อเมริกายอมรับในความพ่ายแพ้ ถอนทัพออกจากประเทศไทย ประกอบกับถูกเจ้าของบ้านโดย นักเรียน นิสิตนักศึกษาประชาชน ขับไล่ ด้วยเหตุผลว่า ฝรั่งทำความร่ำรวยให้ผู้นำที่มาจากเผด็จการทหาร นำเอาวัฒนธรรมตะวันตกมาเผยแพร่ คนไทยตายเพราะรับจ้างฝรั่งไปรบ มีเด็กหัวหยิก หัวแดง เต็มบ้านเต็มเมือง โดยไม่มีพ่อ
0000แค้มป์ฝรั่งเหลือไว้แต่อดีต มีทหารอากาศดูแลรักษา อสังหาริมทรัพย์ให้ ส่วนทรัพย์ที่เคลื่อนที่ได้ตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเครื่องบิน ฝรั่งฝังกลบไว้ใต้ดินบริเวณฐานทัพ หลังจากแค้มป์จีไอ ถูกรื้อถอน รั้วที่เคยกั้นแดน ระหว่างชาวบ้านกับ ทหารก็หายไปด้วยไม่ทราบว่าใคร หรือ หน่วยงานใด เป็นคนสั่งให้รื้อ ต่อมาบริเวณแค้มป์ กลายเป็น ไร่ปศุสัตว์ของชาวบ้าน
0000ปี 2527 ผมย้ายมารับราชการที่บ้านหนองบัว ตำบลนาทราย(ปัจจุบันแยกเป็นตำบลโพธิ์ตาก) วัฒนธรรม ค่านิยม จารีต ประเพณี ของคนนครพนม ไม่ว่าท้องถิ่นไหนคล้ายคลึงกัน บุญประเพณี บุญบ้าน งานแต่ง งานบวช งานศพ นิยมบริโภคเนื้อเป็นหลักในการต้อนรับแขก เพราะหนึ่งชีวิตที่ถูกฆ่า ปริมาณในการประกอบอาหารได้มากกว่า การบริโภคสุกบ้างดิบบ้าง สุกๆดิบๆ เป็นค่านิยมของคนชนบทอีสานโดยทั่วไป แต่ วัว ควาย ในละแวก 3 ตำบล รอบบริเวณแค้มป์จีไอ ไม่เป็นที่นิยมของนักบริโภค แม้กระทั่งโรงฆ่าสัตว์ก็ไม่พึงต้องการถ้าเป็นวัว ควาย ในบริเวณนี้ เพราะฆ่าแล้วไม่ได้ตับ ตับจะเป็นรู ตับแข็งเป็นก้อน ทุกตัวที่ถูกฆ่าหรือล้มตายเองเหมือนกันหมด ทำให้ราคาตกไม่เป็นที่นิยมของท้องตลาด
0000ตั้งแต่ปี 2527 เป็นต้นมาผมได้ร่วมงานศพชาวบ้านมาแล้วหลายสิบคน คนที่ตายอายุราว 45 – 60 ปี หมอลงความเห็นทุกคนที่ตายเพราะมะเร็งตับ ผัวตาย เมียตาย พี่ตาย น้องตาย ตายเป็นคู่ ตายเป็นครัว ถ้าคนใดตายก่อนไม่เกิน 2 – 3 ปี ต้องมีคนในครอบครัว หรือญาติพี่น้องตายตาม สาเหตุโรคเดียวกัน และไม่ใช่คนในตำบลโพธิ์ตาก เท่านั้นที่มีสาเหตุเช่นนี้ถามคน บ้านผึ้ง รามราช นาทราย ที่อยู่ใกล้บริเวณฐานทัพก็มีมูลเหตุการตายเช่นเดียวกัน
0000กระทรวงสาธารณสุข โดยสาธารณสุขจังหวัด อำเภอ ตำบล ต่างก็บอกถึงสาเหตุการตายของคนในภาคอีสานว่าตายเพราะเป็นพยาธิใบไม้ตับ เกิดจากการกินปลาดิบ สุกๆดิบๆ โดยเฉพาะปลาเกล็ดทุกชนิดตามห้วยหนองคลองบึง
0000ท่านทั้งหลายครับ วัว ควาย ที่เลี้ยงบริเวณแค้มป์จีไอ ทำไม ตับเสีย ตับเป็นรู ตับแข็ง ตายเพราะเป็นโรคตับแข็งจำนวนมาก วัวควายเหล่านั้นกินปลาดิบเป็นอาหารทุกมื้อกระนั้นหรือครับ
0000สถิติการป่วยเป็นโรคพยาธิใบไม้ตับของประชาชนตามรายงานของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ว่าตำบลนาทราย ตำบลโพธิ์ตาก มีสถิติมากกว่าตำบลท่าค้อ ตำบลอาจสามารถ ที่มีปลาบริโภคมากกว่า แต่ก็มีเหตุผลที่จะเชื่อได้ว่าตำบลนาทราย กับตำบลท่าค้อแตกต่างกัน คือปลาน้ำขังกับปลาที่มีน้ำถ่ายเท ก็สุดแท้แต่ใครจะมีวิธีการเดาที่ใกล้เคียงกับเหตุ
0000คนที่เคยทำงานในฐานทัพฝรั่ง เล่าให้ฟังว่าภายในบริเวณแค้มป์มีบ่อบำบัดน้ำเสียอยู่ 2 บ่อ กว้างยาวประมาณบ่อละ 20 – 30 ไร่ สมัยที่ฝรั่งยังไม่กลับก็ไม่มีใครสามารถเข้าไปบริเวณนั้นได้ นอกจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง แต่หลังจากฝรั่งกลับบ่อน้ำนี้ก็เป็นที่หากินของชาวบ้านจนปัจจุบันนี้บ่อน้ำก็ยังอยู่
เคยคุยกับเจ้าของวัวควาย และชาวบ้าน ว่าทำไมวัว ควาย ถึงได้เป็นโรคตับทั้งๆที่หญ้าในแค้มป์อุดมสมบูรณ์ดี ชาวบ้านเล่าให้ฟังว่า ช่วงที่ฝรั่งถอนทหารได้ 2 – 3 ปี รั้วก็ถูกรื้อถอนชาวบ้านจึงได้นำสัตว์เข้าไปเลี้ยง สิ่งที่ได้พบเห็นคือช่วงฝนตกน้ำเจิ่งนองทั่วบริเวณแค้มป์ แล้วไหลลงตามลำคลองที่ฝรั่งทำไว้ พอน้ำลดประมาณสองวันหญ้ามักจะตาย บริเวณที่น้ำท่วมถึง เหมือนถูกยาฆ่าหญ้าฉีดพ่น บางจุดก็มีน้ำผุดขึ้นมาจากใต้ดินเหมือนท่อประปาแตก มีควันพวยพุ่งขึ้นมา ถ้าถูกผิวหนังจะแสบร้อน น้ำที่ไหลลงห้วยปลาตายเป็นแพ สุดวิสัยที่ชาวบ้านจะเข้าใจได้ว่าเป็นอะไรกันแน่ ชาวบ้านได้นำปลามากินบอกว่ามีกลิ่นเหม็นเหมือนถูกยาเบื่อ ส่วนข้าวกล้าในนาต้นใหญ่ใบเขียวเหมือนใส่ปุ๋ย แต่เป็นข้าวลีบ
0000การตายของผู้คนในหมู่บ้านใกล้แค้มป์ เกิดจากอะไรกันแน่ ยังขาดการ สืบค้น เพียงแต่ชาวบ้านบางคน ที่คิดเป็น ได้เห็นได้สัมผัส ได้ทำงานร่วมกับฝรั่งจนวาระสุดท้าย เล่าว่า ฝรั่งฝังทุกอย่างไว้ใต้ดิน ความลึกประมาณเสาไฟฟ้าแรงสูง 2 ต้นต่อกัน พื้นที่กว้างหลายร้อยไร่ นอกจากของใช้ อาวุธสงคราม รถยนต์ วัตถุที่ไม่ทราบคุณสมบัติอีกมากมาย ล้วนถูกฝังไว้ใต้ดินประเทศไทย
0000ทหารรับจ้างที่เคยไปรบเวียตนาม เล่าให้ฟังว่า ฝรั่งเคยใช้สารเคมี ซึ่งเป็นสารสีเหลือง นำไปโปรยลงตามลำน้ำที่เป็นที่หลบซ่อนของเวียตกง เพื่อให้ทหารคอมมิวนิสต์กิน พอใช้ไม่หมดก็ขนกลับมาอาจนำฝังกลบไว้ใต้ดิน และอาจไหลไปตามตาน้ำใต้ดินเข้าสู่บ่อน้ำกินน้ำใช้ของชาวบ้าน แล้วกลายเป็นสารเคมีตกค้างสะสมพิษเข้าสู่ร่างกาย กลายเป็นโรคมะเร็งตับ และตายในเวลาต่อมา
0000นับแต่ฝรั่งกลับ ชาวบ้านใกล้ฐานทัพ ได้ใช้แค้มป์แห่งนี้เป็นขุมทอง ขโมยทุกอย่างที่แลกเปลี่ยนเป็นเงินได้ ตั้งแต่สายไฟอยู่บนฟ้า ท่อประปา ท่อร้อยสายไฟ ที่อยู่ใต้ดิน อาคารบ้านพักถูกรื้อถอน และต้นไม้ใหญ่ที่ทำประโยชน์ได้ถูกตัดแทบหมดป่า จนทุกวันนี้ก็ยังขโมยขุด จนถนนภายในบริเวณแค้มป์เหลือเฉพาะเส้นจากปากทางถึงสนามบิน นอกนั้นถูกตัดรื้อหมด หลุมเศษที่ฝรั่งกลบไว้ยังคงมีคนใช้ความพยายามค้นหาสมบัติต่อไปทั้งแรงงานคน ถึงการใช้เครื่องมือหนักก็เคยทำมาแล้ว กลัวว่าสิ่งที่ฝรั่งฝังเอาไว้ อาจเป็นอันตรายได้ เช่นวัตถุระเบิด อาวุธ หรือสารเคมีฝนเหลือง ที่กล่าวมา ถ้าไม่เสื่อมคุณภาพ หรือมีจริงตามที่คนเล่ามา ใครจะรับผิดชอบ
0000อยากฝากเรื่องนี้ให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบต่อบ้านเมือง โดยตรง ได้เข้าไปตรวจหา สืบค้น กันเป็นเขตหวงห้าม ถึงไม่ทำอะไรก็ควรให้อยู่ในสภาพเดิม เพราะขืนให้มีการขุดค้นหาสมบัติอย่างทุกวันนี้ สภาพสิ่งแวดล้อมคงถูกทำลาย ต้นไม้ ป่าไม้ ในบริเวณฐานทัพ ถ้าอนุรักษ์ไว้คงเป็นผืนป่าอันสมบูรณ์ในอนาคต เพราะพื้นที่เป็นหมื่นไร่ เหลือผืนป่าสัก 3,000 ไร่ คงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ หรือสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ อีกแห่งหนึ่งของนครพนม และสนามบินก็อยู่ในบริเวณเดียวกัน
0000หรือไม่อยากสนใจก็แล้วแต่ จะปล่อยให้ชาวบ้านขโมยขุดทำลายต่อไปก็ได้ วันดีคืนดี ก็อาจมีระเบิดตูมตามขึ้นมา ตอนที่ท่านเดินทางไปขึ้นเครื่องบิน ก็ได้นะครับใครจะไปรู้

ครูอารมณ์
20 พฤษภาคม 2546

ส.ส.นครพนม

ปี พ.ศ. 2475 ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญฉบับแรกเกิดขึ้น ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นโดยคณะนักเรียนหัวนอก เพราะส่วนใหญ่จบการศึกษาจากต่างประเทศ และเป็นคนหนุ่มที่มีหัวก้าวหน้า เรียกตัวเองว่า “คณะราษฎร” ทีการเลือกตั้งครั้งแรกในปี พ.ศ. 2576 ทำให้ประเทศไทยมีตัวแทนจากแต่ละจังหวัดไปทำหน้าที่นิติบัญญัติ เพื่อนำมาบังคับใช้กับสังคมไทยต่อไป แต่การมีตัวแทนจากประชาชนครั้งแรก ไม่ใช่การเลือกตั้งโดยตรง เพียงแต่เป็นการสรรหา เหมือนการสรรหาคณะกรรมการการเลือกตั้ง (ก.ก.ต.)ในปัจจุบัน โดยให้แต่ละท้องที่เลือกตัวแทนเข้าไปเลือกตัวแทนในระดับจังหวัดอีกต่อหนึ่ง โดยวิธีการเลือกกันเองใครได้คะแนนมากเรียงลำดับตามจำนวนของ ส.ส.ก็ได้เป็นผู้แทนของจังหวัดนั้น
จังหวัดนครพนม ก็เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีการสรรหาครั้งแรก เหมือนจังหวัดอื่น เพราะเป็นจังหวัดก่อนปี 2476 จนถึงปัจจุบันมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาแล้วทั้งสิ้น 33 คน ใครเป็นใคร สังกัดพรรคไหน ท่านผู้อ่านก็สืบหากันดูนะครับ เพราะการเลือกตั้งแต่ละครั้งใช้รัฐธรรมนูญกันคนละฉบับ ทั้งสังกัดพรรค และไม่สังกัดพรรค มีคละกันมาตลอด ใครจะนำรายชื่อเหล่านี้ไปติดไว้ข้างฝาให้ลูกหลานดู หรือ นำไปจัดบอร์ดไว้ศึกษาเพื่อเป็นวิทยาทานต่อไปก็คงเป็นกุศลไม่น้อยครับ

รายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครพนม
1. น.ท.พระศรการวิจิตร์ ร.น. (ช้อย ชลทรัพย์)
2. นายพันธุ์ อินทุวงศ์
3. ขุนอนุสรณ์กรณี (ทะ พรหมประกาย)
4. นายเกษม ศักดิ์เจริญ
5. นายปั่น แก้วมาตย์
6. นายภู่ เนาวรังษี
7. นายเอื้อ จันทรวงศ์
8. นายชวน กิตติศรีวรพันธุ์
9. นายสงวน จันทรสาขา
10. นายสุข รอบรู้
11. นายบุญนาค อนนตะชัย
12. นายไขแสง สุกใส
13. นายจำนงค์ ศรีวรขาน
14. นายแสวง ธวัชวะชุม
15. นายเฉลียว ดีวงศ์
16. นายถนอม แสงสุริยจันทร์
17. นายมงคล บุพศิริ
18. นายวีรวร สิทธิธรรม
19. นายสุรจิตต์ จันทรสาขา
20. นายจีระศักดิ์ พลสนะ
21. นายเฉิดศักดิ์ แสนวิเศษ
22. นายวรพจน์ ณ ถลาง
23. นายกตัญญู อัครฮาด
24. นายทนง ศิริปรีชาพงษ์
25. นายแพทย์ประสงค์ บูรณ์พงศ์
26. พลเอกมานะ รัตนโกเศศ
27. นายไพจิต ศรีวรขาน
28. นายอรรถสิทธิ์(คันคาย) ทรัพย์สิทธิ์
29. นายมานะ คูสกุล
30 .พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ
31. นายชวลิต วิชยสุทธิ์
32. นายชัยวัฒน์ กุลศักดิ์วิมล
33. นายศุภชัย โพธิ์สุ

ครูอารมณ์
19 พฤษภาคม 2546

บ้านปากยาม0000000เนื้อท่าแร่ แหปากยาม คนงามเมืองเลย เขยบ้านแพง” (คำว่าท่าแร่ ความหมายเดิมคือบ้านท่าแฮ่ดงสาร อำเภออากาศอำนวย อยู่เหนือบ้านปากยามขึ้นไปตามลำน้ำสงคราม โดยความเดิมเป็น วัวท่าแฮ่ ซึ่งมีความหมายถึง วัวที่อดทนใช้เทียมเกวียนได้ดี แต่ความหมายที่ใช้ในการเขียนครั้งนี้ขอเปลี่ยนเป็น “เนื้อท่าแร่” เพราะทุกคนรู้จักดี และเพื่อให้เกิดอรรถรสในการอ่านของผู้อ่านครับ)

0000000คำกล่าวข้างบนบางท่านอาจได้ยินมาบ้างแล้ว หรือถ้ายังไม่เคยได้ยิน เชิญลองมาติดตามดูกันครับว่าหมายถึงอะไร และในโอกาสนี้ผมใคร่นำเสนอสิ่ง มหัศจรรย์ ที่มีมายาวนานจนกลายเป็น ประวัติศาสตร์ ของคนนครพนมเพียงแต่ขาดการสืบค้นและนำมาเสนอเท่านั้น ทำไมผมจึงเรียกว่าสิ่งมหัศจรรย์ และเป็นประวัติศาสตร์ เชิญอ่านดูครับ

0000000เนื้อท่าแร่” คงพอเข้าใจนะครับ ภาษาพื้นบ้านอีสาน เป็นตำนานมาว่า”ยอดซี้นแม่นหมา ยอดปลาแม่นเอียน” “เนื้อท่าแร่” จึงมีความหมายในตัวถ้าท่านเป็นคนอีสาน และเคยสัมผัสรสชาดเนื้อหมาผ่านลิ้นมาแล้ว แต่ถ้าเป็นคนภาคอื่นก็หันไปถามคนอีสานที่อยู่ข้าง ๆคุณดูครับจะเข้าใจมากกว่าผมอธิบาย
“แหปากยาม” ปากยามคือที่เกิดแม่น้ำสองสีอีกแห่งหนึ่งนอกจากปากน้ำไชยบุรี แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้จักปากยามที่มีแม่น้ำสงคราม และน้ำยามไหลมาบรรจบกัน ผมจะนำบ้านปากยาม ไว้ขยายความต่อไปในตอนท้ายครับ

0000000แหปากยาม” แห คือเครื่องมือจับปลาชนิดหนึ่งที่มีเกือบทุกครอบครัวของชาวชนบทในจังหวัดนครพนม ด้วยเหตุที่บ้านปากยาม มีปลานานาพันธุ์ ย่อมมีแหมากกว่าท้องที่อื่น ตั้งแต่แหตาถี่ขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดใหญ่ แหตาห่างตามชนิดของปลา ตามฤดูกาลจับปลา ฝีมือในการถักทอ ย่อมยอดเยี่ยมในยุทธจักรของแห ที่สืบทอดมาแต่บรรพกาล







000000คนงามเมืองเลย” เมืองเลยเป็นเมืองแห่งขุนเขา บรรยากาศทุกฤดู หาเมืองใดในโลกทัดเทียมได้ อากาศดี ย่อมผิวดี หญิงงามเมืองเลยจึงถือว่าเป็นยอดหญิงในแผ่นดินไทย

000000เขยบ้านแพง” บ้านแพงถือเป็นอำเภอที่มีเศรษฐกิจดีอำเภอหนึ่งของบ้านเรา มีการปลูกยาสูบเป็นหลักมีโรงบ่มใบยา และรสชาดของยาสูบที่เลื่องลือ คนบ้านเเพงจึงไม่ค่อยสนใจในการทำนามากนัก เพราะการทำนาชั่วชีวิตคนไม่มีทางร่ำรวยได้ แต่การปลูกยาสูบทำให้คนบ้านแพงเป็นเศรษฐีได้ไม่ลำบากเหมือนเป็นเขยที่อื่น ใครที่เป็นเขยบ้านแพงได้ จึงถือว่าสุดยอดของชายไทย

0000000เนื้อท่าเเร่ เเหปากยาม คนงามเมืองเลย เขยบ้านแพง” จึงเป็นคำกล่าวที่มีมายาวนาน และมีหลักฐานมาจากความเป็นจริงไม่ใช่คำกล่าวคล้องจองที่พูดกันเล่นๆโดยไม่มีข้อมูล ผมได้จั่วหัว “บ้านปากยาม” หลายท่านคงแปลกใจเพราะบางท่านรู้จักดี บางท่านไม่เคยได้ยินและไม่รู้จัก ผมบอกแล้วว่า “บ้านปากยาม” เป็นหมู่บ้านประวัติศาสตร์ที่สืบทอดมายาวนาน เพียงแต่ขาดการนำเสนอให้สังคมได้รับรู้เท่านั้น

0000จังหวัดนครพนม มีพื้นที่ติดต่อกับจังหวัดสกลนคร ทางทิศตะวันตกทั้งสองจังหวัดมีประเพณีวัฒนธรรมคล้ายกัน มีชนเผ่าเหมือนกัน มีแม่น้ำน้อยใหญ่ ไหลผ่านร่วมกัน เช่น แม่น้ำสงคราม ลำน้ำยาม ลำน้ำอูน วิถีชีวิตเหมือนกันตลอดสองฝั่งแม่น้ำดังกล่าว การแบ่งเขตแดนทางภูมิศาสตร์ของสองจังหวัด แบ่งโดยใช้ลำน้ำยามเป็นเขต ถ้ายืนอยู่ปากยามแล้ว หันหน้าขึ้นไปตามลำน้ำยามทางทิศใต้ ฝั่งซ้ายมือคือดินแดนของนครพนม ฝั่งขวามือเขตของสกลนคร

0000000บ้านปากยาม ตั้งอยู่ริมฝั่งขวาของลำน้ำยาม เลยกลายเป็นหมู่บ้านมหัศสจรรย์ไปโดยปริยายเพราะ “ดินเป็นของสกล คนเป็นของนคร” ภาษีที่ดิน เรือกสวน ไร่นา จ่ายที่อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร แจ้งเกิด แจ้งตาย ที่อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม ภาษีถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ความวุ่นวายก็ตามมา สมาชิก อ.บ.ต.บ้านปากยาม ของบประมาณ สนับสนุนจากองค์การบริการส่วนตำบลสามผง จึงเป็นการยากเกินข้อบัญญัติของกฎหมาย ทำให้บ้านปากยามกลายเป็นแผ่นดินน้อยที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน ที่ไม่มีใครหน่วยงานใดคิดจะแก้ไข

0000000“ บ้านปากยาม “ ช่วงฤดูฝนน้ำหลาก จะกลายเป็นเมืองบาดาล กลายเป็นเกาะ บางปีน้ำท่วมนานเป็นเดือน แต่บ้านปากยามไม่ต้องการเรือท้องแบน ไม่ต้องการความช่วยเหลือใดๆจากภาครัฐ ไม่ต้องการถุงยังชีพ เพราะสภาพความเป็นอยู่ก็เหมือนเมื่อร้อยปีที่ผ่านมา บ้านปากยามช่วยตัวเองได้ทุกครอบครัวมีเรือใช้เอง ปีไหนไม่มีน้ำจึงเป็นเรื่องแปลกมากกว่า เพราะน้ำน้อยปลาก็มีน้อยไปด้วยเช่นกัน บ้านปากยาม ไม่เคยขาดมิตรภาพจากใกล้และไกล ทั้งภาครัฐ เอกชน กลุ่มองค์กรต่าง ๆ เข้าไปเยี่ยมเยียนไม่เคยขาด เช่น

0000000ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ส.ว. กรุงเทพฯ เจ้าของรายการลานบ้านลานเมืองทางช่องเก้า เคยเข้าไปจัดรายการมาแล้ว เรื่องผลกระทบและการต่อต้านการสร้างเขื่อนของประชาชนลุ่มน้ำสงคราม รศ.ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม อาจารย์จากภาควิชาโบราณคดี จากมหาวิทยาลัยศิลปกร และคณะเข้าไปนอนสืบค้น “วัฒนธรรมสายปลาแดก” ร่วมสัปดาห์ ดื่มเหล้าต้มภูมิปัญญาท้องถิ่น แกล้มปิ้งปลาเนื้ออ่อน และต้มลูกปลาชะโดมาแล้ว คุณหญิงสุพัตรา มาศดิษฐ์ อดีตรัฐมนตรี และส.ส.ภาคใต้หลายสมัย นำคณะกลุ่มองค์กรเอ็นจีโอ เข้าไปนอนล่องแพมาแล้วเช่นกัน นี่แค่ยกตัวอย่างเฉพาะคนที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป กลุ่มเล็กกลุ่มน้อยยังมีอีกมากมายที่ไม่ได้กล่าวถึง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม 2546 ที่ผ่านมาก็เป็นความโชคดีของชาวบ้านปากยามที่มีโอกาสต้อนรับ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายพิเชษฐ์ สถิรชวาล ซึ่งเดินทางมาเป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ พระครูศรีสงครามวิชัย (อดีตเจ้าอาวาสวัดศรีสงคราม และอดีตเจ้าคณะอำเภอศรีสงคราม (มหานิกาย)ที่บ้านท่าบ่อสงคราม อำเภอศรีสงคราม โดยการเชิญของ นายศุภชัย โพธิ์สุ (ครูแก้ว) ส.ส.นครพนม เขต 5 และถือโอกาสเชิญเอารัฐมนตรีเข้าไปดูบ้านปากยาม เพื่อของบสนับสนุนในการก่อสร้างเขื่อนกั้นตลิ่งริมน้ำสงคราม เพราะถนนเรียบริมฝั่งน้ำสงครามภายในหมู่บ้าน ถูกน้ำกัดเซาะจนถนนหายไปทั้งสาย และยังลามไปถึงบ้านเรือนราษฎรพังไปหลายหลัง เป็นมาหลายสิบปีแล้ว ถ้าไม่รีบแก้ไขอนาคตบ้านปากยามอาจเหลือแต่ชื่อ เพราะดินหายไปกับน้ำทุกปี ภาครัฐที่ผ่านมามุ่งสร้างเขื่อนเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ หรือเขตเทศบาล ควรให้ความสนใจหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำก็คงจะดีไม่น้อย เช่น ริมแม่น้ำโขง แม่น้ำสงคราม ลำน้ำก่ำ ลำน้ำอูน ลำน้ำยาม ก็สมควรได้รับการจัดสรรผลประโยชน์เดียวกัน และการมาเยี่ยมของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ครั้งนั้น ฯพณฯก็รับปากว่าจะดำเนินการให้ แต่ต้องให้เจ้าหน้าที่ลงไปศึกษาก่อน ก็นับว่าเป็นความโชคดีของประชาชนในระดับรากหญ้าที่มีโอกาสได้รับกุศลอันใหญ่หลวง ก็ต้องขอขอบคุณส.ส.ศุภชัย โพธิ์สุ(ครูแก้ว) แทนพี่น้องชาวบ้านปากยามด้วยที่ท่านได้เอาความทุกข์ยากที่มีมายาวนานให้ได้พบกับความสว่างถึงแม้เป็นแค่การรับปากของรัฐมนตรี แต่อย่างน้อยๆท่านก็ได้กุศลอย่างแรงที่ทำให้คนระดับรัฐมนตรีที่ถือว่าเป็นตัวแทนของรัฐบาลได้เข้าไปเยี่ยมเยียนให้ชาวบ้านได้คล้องมาลัย และผูกผ้าขาวม้า ส่วนปัญหาด้านอื่นๆของบ้านปากยาม ก็คงต้องฝากให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องของบ้านเมืองทั้งสองจังหวัดแก้ไขต่อไป อนาคตข้างหน้าบ้านปากยามอาจเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยั่งยืนแห่งใหม่ เป็นบ่อเงินบ่อทองของชาวบ้านก็ได้นะครับเจ้านาย พบกันใหม่โอกาสหน้าครับ

ครูอารมณ์
12 มีนาคม 2546


ผู้มีอิทธิพล“บ้านเรือนรกรุงรังต้องปัดกวาดให้สะอาด” เป็นวาทะที่ถูกต้องที่สุดของนายกรัฐมนตรี หลังจากนโยบายปราบปรามยาบ้า ไล่ล่าเด็ดหัวเครือข่ายยาเสพติดของ รัฐบาลทักษิณ ได้ผลเข้าเป้า ทำให้ขบวนค้ายานรกแตกกระเจิง ปัญหายาบ้าทุเลาเบาบางลงไปอย่างเห็นได้ชัด สังคมอบอุ่นขึ้น ครอบครัวได้ลูกหลานกลับคืนมา ความวิตกกังวล ความเป็นห่วงแทบหมดไป ผลงานเข้าตาเป็นที่ขานรับของสังคม และได้ประกาศเปิดยุทธศาสตร์ใหม่ ประกาศสงครามปราบปรามมาเฟียวางกรอบดำเนินการกับผู้มีอิทธิพล 15 กลุ่มคือ
1. แก๊งผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
2. แก๊งผู้มีอิทธิพลในการฮั้วประมูล และขัดขวางการเสนอแข่งขันราคาในการประมูลของราชการ
3. แก๊งผู้มีอิทธิหลเรียกรับผลประโยชน์จากรถจักรยานยนต์รับจ้างผิดกฎหมาย
4. แก๊งผู้มีอิทธิพลเรียกรับผลประโยชน์จากโรงงาน ร้านค้า สถานบริการ และสถานประกอบการ
5. แก๊งผู้มีอิทธิพลลักลอบจัดให้มีบ่อนการพนัน โต๊ะพนันบอล หวยใต้ดิน จับยี่กี่ ตู้เกมไฟฟ้า
6. แก๊งผู้มีอิทธิพลลักลอบขนสินค้าหนีภาษี รับเคลียร์การนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย
7. แก๊งผู้มีอิทธิพลลักลอบค้าหญิงและเด็ก บังคับค้าประเวณี โสเภณีเด็ก
8. แก๊งผู้มีอิทธิพลลักลอบนำคนเข้า – ออก และอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย
9. แก๊งผู้มีอิทธิพลลักหลอกลวงประชาชนไปทำงานต่างประเทศ
10. แก๊งผู้มีอิทธิพลลักหลอกลวงต้มตุนนักท่องเที่ยว
11. แก๊งผู้มีอิทธิพลมือปืนรับจ้าง
12. แก๊งผู้มีอิทธิพลรับจ้างทวงหนี้ ข่มขู่ หรือใช้กำลัง
13. แก๊งผู้มีอิทธิพลลักลอบค้าอาวุธ
14. แก๊งผู้มีอิทธิพลบุกรุกที่ดินสาธารณะ ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
15. แก๊งผู้มีอิทธิพลเรียกรับผลประโยชน์จากการรับเครียร์หรือกระทำผิดบนเส้นทางหลวง
ขึ้นบัญชีดำพวกแก๊งชั่ว ตั้งเป้ากำจัดผู้มีอิทธิพล อำนาจมืด ให้หมดประเทศ เพราะอำนาจเล่านั้นคุกคามความเป็นอยู่ของประชาชน เป็นอันตรายต่อสุจริตชน ที่สำคัญเครือข่ายกลุ่มผู้มีอิทธิพลมีผลประโยชน์ รายได้จากขุมทรัพย์ธุรกิจนอกกฎหมายจำนวนมากมหาศาล แต่เงินเหล่านี้เป็นเงินนอกระบบอยู่เหนือการจัดการของภาครัฐ ไม่เสียค่าธรรมเนียมภาษีอากร
ท่านที่เคารพครับ รากเหง้าของบัญหา เรื่องของผู้มีอิทธิพลเป็นปัญหาที่ฝังรากลึกควบคู่อยู่กับสังคมไทยมายาวนาน อำนาจนอกระบบ กับอำนาจในระบบเกี่ยวเกาะยึดโยงกันอย่างเหนียวแน่น เพราะสังคมไทยเป็นระบบอุปถัมภ์ น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า ผู้น้อยต้องพึ่งผู้ใหญ่ คงเกิดจากพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกัน คือ
1. ขั้นตอนของกฎหมาย วิธีปฏิบัติสลับซับซ้อน ติดต่องานเป็นอาทิตย์ไม่เป็นผล จึงมีวิธีลัดขั้นตอน โดยการให้สินบนเจ้าพนักงาน พอนานครั้งเข้าเจ้าพนักงานเคยตัว พ่อค้าได้ใจ ผู้มีอิทธิพลเข้าใจวิธีการ
2. เงินเดือนข้าราชการประจำ และข้าราชการการเมือง ไม่มากพอ บางงานเอื้อต่อผู้มีอิทธิพล เจ้าหน้าที่ของรัฐบางส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายผู้มีอิทธิพล รับเงิน รับผลประโยชน์ ช่วยทำให้ผู้มีอิทธิพลมีเสถียรภาพ
3. วัฒนธรรม ธรรมเนียมปฏิบัติ การติดสินบนของนักธุรกิจ พอจ่ายสินบนให้เจ้าหน้าที่ของรัฐโดยมิชอบแล้ว จึงหลีกเลี่ยงการจ่ายในระบบโดยไม่ต้องเสียภาษี
ฉะนั้นทั้งหลายทั้งปวงการจะปราบผู้มีอิทธิพลได้ เราๆท่านๆ ผู้ประกอบสัมมาอาชีพอันสุจริต ต้องร่วมมือกันเพระท่านก็รู้ดีว่าใครเป็นใครในบ้านเมืองนี้ ใครมีพฤติกรรมเช่นไร อย่าพึ่งบอกว่าธุระไม่ใช่ คงไม่ถูกต้องนักเพราะ ถ้าพวกเราไม่ช่วยกันขืนปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือเพียงแต่ตำรวจ กับฝ่ายปกครองในพื้นที่ เป็นผู้เสนอรายชื่อผู้มีอิทธิพลเข้าส่วนกลาง ความเที่ยงตรง แม่นยำ ไม่ช่วยเหลือพวกพ้อง น่าเชื่อถือได้มากน้อยเพียงใดกันครับ เพราะเหนือสิ่งอื่นใดต้องยอมรับว่า ผู้มีอิทธิพลตัวจริงอยู่เหนืออิทธิพลของข้าราชการคือนักการเมือง ทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ เพราะคนที่เป็นหัวคะแนนส่วนหนึ่งคือ ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ที่ต้องคอยพึ่งพาอาศัยกัน และเป็นคนคุ้นเคยกัน กลัวเข้าตำรา หยิกเล็บเจ็บเนื้อ ปัญหาอิทธิพลมาเฟีย หมักหมมฝังรากลึกมายาวนาน จึงต้องขับเคลื่อนช่วยกันทั้งระบบ ทั้งภาครัฐ กลไกของรัฐ องค์กรอิสระ ประชาชน เพื่อให้การปราบปรามเดินหน้าไปอย่างเด็ดขาด ไม่ใช่พอมีการกวาดล้างแก๊งอิทธิพลที่เป็นพวกพ้องของตัวเอง มีโทรศัพท์ จากนักการเมือง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่สั่งเบรก สั่งถอย เราต้องคอยช่วยกันเป็นหูเป็นตา เพราะหนังเรื่องนี้เป็นหนังชีวิตใครจะโดนบ้างในบ้านเราต้องติดตามดู
ดูจากแก๊งอิทธิพล 15 กลุ่ม ที่มีผลกระทบโดยตรงกับนครพนมเรา ที่ชัดเจนก็เห็นจะเป็นข้อ 2 กับ ข้อ 5 ก็เพราะแก๊งข้อ 2 ไม่ใช่หรือครับที่ทำให้จังหวัดนครพนม ดังไปทั่วทั้งประเทศ ถ้าไม่ใช่ขบวนการของแก๊งนี้ก็คงไม่เป็นข่าว เพราะพวกเราก็ทราบดีว่า ท่านวิทย์ ลิมานนท์วราไชย พ่อเมืองนครพนม ท่านก็เป็นคนเกิดที่นี่รู้ไส้รู้พุงของขบวนการนี้ดี ท่านคงไม่ทำให้ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลของท่านด่างพร้อยเป็นแน่
ส่วนแก๊งข้อ 5 ก็เป็นข่าวครึกโครมใหญ่โตไม่แพ้กัน เพราะมีการจับกุมได้เงินหมุนเวียนของธุรกิจหลายล้านบาท ตรวจสอบทรัพย์สินที่มาที่ไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ เป็นที่คาใจของผู้คนจนถึงทุกวันนี้ แต่ร้านที่ถูกจับกุมก็เห็นชาวบ้านบอกว่ายังคงดำเนินธุรกิจได้ตามเดิม ส่วนผู้ค้ารายอื่นๆ ก็กลายเป็นผู้ค้าที่ถูกกฎหมายไป เพราะเห็นขายได้ทุกวันทุกงวดหรือว่าผู้มีอิทธิพลตัวจริงอยู่เบื้องหลังกันครับ สาธุ ขอให้นครพนม จงเจริญ

ครูอารมณ์
1 มิถุนายน 2546
เราได้เปิดหน้าสามของ krugai. Blogspot.com ไว้เพื่อเก็บรักษาบทความเก่าๆ ที่เราเคยเขียนเมื่ออดีต ตอนเป็นครู และเป็นกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ไทยนิยม ของคุณป๋าสมจิต สุดสงวน ที่เรียนปริญญาโทรัฐศาสตร์ด้วยกัน ท่านชวนผมเป็นกรรมการสมาคมนักข่าวจังหวัดนครพนม โดยท่านเป็นนายกสมาคม และชวนลองเขียนหนังสือดู ก็เขียนสนุกเล่นๆลงหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของท่าน เรากลับมาอ่านเจอ เลยขอโอกาสนี้เผยแพร่ใหม่ และถือโอกาสเก็บไว้เป็นประวัติศาสตร์ให้ลูกหลานได้อ่านเพื่อสืบค้นต่อไป พร้อมกับขอผนวกสิ่งใหม่ที่ได้เขียนเพิ่มเติมขึ้นอีก อยากให้คนอื่นได้เห็นตัวตน ของเราเพื่อความสนิทสนม เพื่อความเป็นญาติ เป็นพี่เป็นเพื่อนเป็นอะไรที่ท่านอยากให้เราเป็น ลองอ่านดูนะ